รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ในสมัยพุทธกาล ก็สงบสุขมากขึ้น แต่คุณจะเห็นว่า ในเวลาที่ต่างกัน ระยะเวลาการ กลับชาติมาเกิดต่างกัน กรรมจะ จัดเตรียมบางสิ่งที่ต่างกัน แม้แต่พระพุทธเจ้าวงศ์ ของพระองค์ก็พินาศเพราะ กรรมบางอย่างมาแต่กาลนาน จากชาติอื่นแล้วปรากฏ ให้เห็นในพระชนม์ชีพ ตระกูลของพระองค์ ตระกูล ของพระองค์ก็พินาศไป […] ครั้งนั้น ข้าราชการเลวคนหนึ่งของ พวกศัตรูกำลังเตือน พระราชาถึงเหตุผลที่ พระองค์ควรไปประหาร ตระกูลศากยะ แล้วเขาก็ทำอย่างนั้น แต่หลังจากนั้น กษัตริย์องค์นี้ซึ่งไปฆ่า ฆ่า และทรมานผู้คนมากมาย ทั้งผู้หญิงและเด็กด้วย ก็ต้องตกนรก ลงนรก อย่างไม่หยุดยั้ง และ ไม่เคยกลับมาอีกเลย ให้ฉันดูว่าเขายังอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? เขาไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? โอ้ เขาเกิดมาพร้อมกับ สถานะเหมือนมนุษย์ แต่อยู่ ในประเทศที่ถูกทำลายล้าง ด้วยสงครามอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ในโลกนี้ โลกอื่น เรามีดาวเคราะห์ดวงอื่น เช่นกัน และใครก็ตามที่ ทำสงครามมากจะต้องตกนรกก่อน หากพวกเขาฆ่าคนไปมาก พวกเขาก็จะตกนรก นรกไม่หยุดยั้ง บางครั้งอาจเป็นตลอดไป แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ หนึ่งวินาทีในชีวิตของคุณก็ ดูเหมือนชั่วนิรันดร์เช่นกันนรกแบบนั้น ทำไมพวกเขาเรียกว่าไม่หยุดยั้ง? เพราะมันไม่เคยหยุด ลงโทษคุณ ทรมานคุณ ครั้งแล้วครั้งเล่า คุณจะรู้สึกเจ็บปวดตลอดไป คุณไม่สามารถหยุดรู้สึกเจ็บปวด หรือพักผ่อนได้ ในนรกอื่น พวกเขามีการพัก เช่น ถ้าคนกิน เนื้อชาวสัตว์ก็ ขึ้นอยู่กับปริมาณ และชนิดของเนื้อ เมื่อพวกเขาไม่มีผลบุญ จากอดีตชาติแล้วหรือไม่มีอาจารย์ มาช่วยหรือช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาก็จะตกนรก และจะถูกบดเป็นเนื้อสับ เหมือนกับวิธีที่ พวกเขาฆ่าและบดเนื้อชาวสัตว์ เพื่อทำเป็นเนื้อสับ ในโลกนี้ อาจจะสอง สามครั้ง อาจจะหกหมื่นครั้งต่อวัน แต่พวกเขายังสามารถพัก ได้ในระหว่างนั้น แต่ในนรกที่ไม่หยุดยั้ง ไม่มีใครได้รับอนุญาต ให้พักเลย มันดำเนินต่อไปตลอดไป เช่น เครื่องจักรอัตโนมัติดูด พวกเขาเข้าไป ทรมานพวกเขา โดยมีปีศาจอยู่รอบ ๆ เพียงเพื่อเฝ้าดูหรือควบคุม และมันไม่เคยหยุด นั่นเป็นนรกที่เลวร้ายที่สุด ที่คุณสามารถตกเข้าไปได้นรกนั่นสงวนไว้สำหรับ คนชอบสงคราม สำหรับผู้ ที่ต้องการฆ่าจริง ๆ สังหารหมู่ผู้อื่นอย่างไม่ลดละ ไร้ความเมตตา คนเหล่านี้จะตกอยู่ในนรก แบบนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเขาจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร พวกเขาจะถูกปฏิบัติเช่นนั้น ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า อย่างไม่ลดละ และคุณจะไม่มีวันระลึกถึงพระเจ้า พระพุทธเจ้า – ไม่มีอะไรเลย คุณไม่สามารถอธิษฐาน คุณไม่สามารถทำอะไรเพื่อตัวเองได้ พลังกดดันตรงนั้น จะไม่ทำให้คุณคิด แม้แต่เสี้ยววินาที คุณไม่สามารถจำอะไรได้เลย สิ่งที่คุณทำก็แค่กรีดร้อง ตลอดเวลา 24/7 ซ้ำแล้วซ้ำอีก นี่มันเลวร้ายมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอาจารย์หลาย ท่านจึงลงมายังโลก เพราะพวกท่าน ทนไม่ได้ที่จะเห็นสิ่งมีชีวิต บนโลกใบนี้ก็ทุกข์อย่างนี้ เช่นเดียวกับฉัน ทุกวันฉันร้องไห้โดยคุณไม่เห็นเวลาฉันแก้ไขรายการ ที่คุณให้มา ตอนชาวสัตว์หรือ คนต้องทนทุกข์ ในรายการนั้น โอ้ ฉันร้องไห้หนักมาก ตลอดเวลา ฉันต้องพยายามควบคุมตัวเองจริง ๆ ไม่อย่างนั้นฉัน ก็ทำงานแบบนั้นไม่ได้ ฉันขอขอบคุณพวกคุณทุกคน ทีมโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ที่จัดทำรายการ ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ เมื่อเราต้องแสดงความจริง ให้โลกเห็น – ว่าชาวสัตว์ทนทุกข์ทรมานอย่างไร เหยื่อสงครามต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร คุณทุกคนต้องทำงานในเรื่องนั้น เช่นเดียวกับฉัน ฉันทำงานเคียงข้างคุณ ทุกวัน แม้ว่า เราจะห่างไกลกันแต่ เราก็ร่วมงานกันทุกวันนี้ฉันไม่รู้สึกแยกห่าง ไปจากทุกสิ่ง เพราะเรามีอินเทอร์เน็ต เราติดต่อกันได้ คุยกันได้ ทำงานกัน เหมือนอยู่ใน ห้องเดียวกัน ออฟฟิศเดียวกัน ฉันจึงรู้สึกใกล้ชิดกับพวกคุณอยู่เสมอ คุณทุกคน แค่บางครั้งบางคราวที่ ฉันเห็นงานรวมตัวกันเก่า ๆ ตอนที่เรามี ช่วงเวลาดี ๆ เมื่อมี คนดีใจที่ได้พบฉัน ฉันก็คิดถึงสิ่งนั้น แต่ฉันไม่คิดถึงการอยู่ในที่สาธารณะ ฉันชอบที่จะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว เว้นแต่เมื่อฉันเห็นความรัก หลั่งไหลออกมาจากลูกศิษย์ หรือผู้ชื่นชมจากภายนอก นั่นคือตอนที่ใจฉันก็ซาบซึ้ง และอยากจะมอบความสุข ความยินดี ทำนองเดียวกันนี้ให้พวกเขา อีกครั้ง เมื่อทุกคนไป ที่นั่นก็รู้สึกอิ่มเอมใจ สุขใจ และ เหมือนทุกสิ่งกลายเป็น หนึ่งเดียวกันในความรัก และความสุขเท่านั้นนั่นคือสิ่งที่โดนใจฉัน และนั่นอาจดึงดูดฉันให้ กลับมาสู่สาธารณชนอีกครั้งแต่สี่ปีนี้ - มากกว่าสี่ปี เกือบห้าปีแล้ว - ที่ฉันอยู่คนเดียวอย่างสันโดษ ฉันไม่คิดถึงอะไรเลย ฉันไม่กระตุ้นตัวเอง หรือรู้สึกว่าฉันต้อง ออกไปพูดคุยกับสาธารณชน และอะไรพวกนั้นจริง ๆ ไม่ ฉันไม่มีความปรารถนาเช่นนั้น ฉันทำทุกอย่างที่ดี เพื่อโลก แค่นั้น แม้ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ย่อมมีทางเลือกว่า จะเสียสละหรือไม่ก็ตามฉันคิดถึงชาวสุนัขของฉัน ชาวนกของฉัน แค่นั้น จริง ๆ และพวกคุณทุกคน ฉันรัก แต่ฉันไม่มีความรู้สึก คิดถึงนี้สำหรับใครเลย พระเจ้าทรงสร้างฉันแบบนั้น ฉันเดานะ มิฉะนั้น ฉันจะไม่สามารถทนไหว มันจะโดดเดี่ยวเกินไป การอยู่คนเดียวอย่างนั้น ในเทือกเขาหิมาลัย ฉันอยู่คนเดียว ฉันก็ไม่คิดอะไรเช่นกัน เดินในความมืดหรือ กลางสายฝน ฉันมีน้อยมาก ฉันไม่เคยสนใจเรื่องนั้น ฉันรู้สึกมีความสุขมากในตอนนั้น และตอนนี้ฉันไม่รู้สึก มีความสุขเท่าไหร่เพราะทุกวัน ฉันต้องตรวจสอบรายการ ที่คุณทำและบางครั้ง ก็มีความทุกข์เกิดขึ้น และมันก็ทำให้ฉันเจ็บปวดมากจริง ๆฉันจึงขอให้คุณนำ คลิปชาวสัตว์ที่มีความสุขมากขึ้น จากเว็บมาเพิ่ม ในรายการของเรา เพื่อแบ่งปันความสุข กับคนภายนอกด้วย เมื่อเห็นคลิปเหล่านั้น ชาวสัตว์ที่มีสุข ตลก กับมนุษย์หรืออยู่ด้วยกัน ฉันก็สุขใจ และบางครั้งฉันก็หัวเราะจากเรื่องนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่า เราต้องมอบสิ่งนั้นให้กับโลก และมุกตลกให้มากขึ้น เพื่อให้ ผู้คนรู้สึกมีความสุขได้สัก ระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย และ ได้ผ่อนคลาย เพราะชีวิตของ พวกเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก อยู่แล้ว โดยเฉพาะในปัจจุบัน ผู้คนนับล้านหิวโหยทุกวัน และ หัวใจของฉันก็ไม่เคยรู้สึก ได้รับการเยียวยาหรือมีความสุข อย่างแท้จริงตลอดทั้งวัน ไม่ ไม่ แค่บางช่วงเวลา ที่ฉันเห็นสิ่งดี ๆ ในรายการ แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ แบกรับทุกสิ่งนั้นไว้กับฉัน เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นฉันรู้ว่าการเสียสละของคุณยิ่งใหญ่ คุณไม่มีครอบครัวอยู่กับคุณ คุณไม่มี ความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่มีอะไรเลย ฉันรู้ทั้งหมดนั้น คุณแค่ทำงานและกินข้าว และ บางครั้งฉันก็รบกวนคุณด้วย ต้องขออภัยด้วยเพราะ งานไม่รอถึงพรุ่งนี้ งานไม่เหมือนขาวดำหรือ เป็นเส้นตรงที่คุณเดินหรือ เส้นทางเหมือนนักปั่นจักรยาน ที่คุณสามารถเดินไปตามทาง และหยุดเมื่อคุณต้องการ มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่ามันไม่ง่ายเลย หากต้องการหาข้อมูลและ ค้นคว้าข้อมูลทั้งหมด นั้นใช้เวลานานมาก และเมื่อฉันต้องแก้ไข บางอย่าง บางครั้ง คอมพิวเตอร์ก็ไม่ฟังฉัน มันข้ามไปยังจุดต่าง ๆ และ ฉันต้องเขียนมันใหม่อีกครั้ง หรือฉันไม่รู้ว่าจะควบคุม แก้ไขมันอย่างไร ในเมื่อการแก้ไขทั้งหมดของฉัน ลงไปผสมกับส่วนที่พิมพ์แล้ว ไม่มีใครอ่านได้ ฉันพยายามอย่างหนักที่จะช่วยมัน แต่บางครั้งฉันก็ทำไม่ได้ แล้วฉันก็ต้องเขียนมันใหม่ ทั้งหมดอีกครั้ง แต่นั่นเป็นเพียง วิธีที่เราต้องทำงาน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงทุกสิ่งได้แล้วลองนึกดูว่าเรา ทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดเมื่อ เราเห็นคลิปเหตุการณ์ที่ ชาวสัตว์ต้องทนทุกข์หรือมนุษย์ ทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือจากสงครามและทุกสิ่งนั้น ลองนึกภาพถ้าคุณอยู่ใน สถานการณ์นั้น ถ้าเราเป็น ชาวสัตว์ หรือถ้าคุณตกเป็นเหยื่อ ของสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณยังเป็นเด็กน้อย หรือคุณเป็นแค่เด็ก อยู่คนเดียว โดยที่พ่อแม่ของคุณ เสียชีวิตด้วยระเบิด และคุณ เดินตามลำพังบนถนนกับคนอื่น ๆ พยายามค้นหาประเทศอื่น แต่แล้วคุณก็ไม่มี อะไรจะกิน ไม่มีใครอยู่ และคุณก็หมดแรง และคุณก็แค่ทิ้งตัวลงบน ถนนไม่ว่าจะเสียชีวิตหรือ บาดเจ็บสาหัสจนกว่าจะมีคน มีโอกาสพบคุณและนำคุณ ส่งโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกล ลองนึกภาพว่าเป็นคุณเมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก – หรือ ไม่น้อยขนาดนั้น แต่ฉันเดาว่า... ให้ฉันจำไว้... เมื่ออายุได้เจ็ดหรือแปดขวบ เราเดินทาง จากตัวเมืองไปจนถึง อำเภอเล็ก ๆ ของฉัน ศูนย์กลางจังหวัดและ บ้านของฉันอยู่ไกลกัน คุณต้องเดินทางโดยรถยนต์ รถประจำทาง หรือรถตุ๊กตุ๊กเล็ก ซึ่งเป็นรถสามล้อขนาดเล็ก ทุกวันนี้ก็ยังเห็นได้ เหมือนในกรุงเทพ คนขับ ขับด้านหน้าโดย มีที่นั่ง (ผู้โดยสาร) หนึ่งคน ที่นั่ง และด้านหลัง สามารถรองรับคนได้แปดคน แต่บางครั้งก็เบียดเป็นสิบ และอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ชาวไก่ ชาวหมู อาหาร ผัก และข้าว บางครั้งฉันก็สงสัยว่ารถที่ น่าสงสารสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างไร แต่มันก็เคลื่อนที่! พวกเขาอัจฉริยะ ในการทำเรื่องแบบนั้น แต่ถ้าคุณนั่งด้านหลัง ควันไอเสียจะเข้ามาที่ ใบหน้าและจมูกของคุณ และ บางครั้งก็มีกลิ่นแย่มาก ฉันอาเจียนเป็นบางครั้ง แต่คุณโชคดี แม้ว่าในช่วง สงคราม รถหรือรถบัสของคุณจะ ยังคงวิ่งต่อไปจนถึงบ้านก็ตามครั้งหนึ่งมันไม่ได้วิ่ง - ระเบิดกลางถนน เพิ่งระเบิดและ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โชคดีที่ฉันกับพ่อ ที่ไม่ตาย แต่เราต้องเอา กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ลากไปบนทางหลวง เส้นทางประจำชาตินี้ ไม่ใช่ทางหลวงที่สวยงาม อย่างที่คุณเห็นในทุกวันนี้ เหมือนกับในอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือประเทศเหล่านั้น สมัยฉันยังเป็นเด็ก มีทางเดียวเท่านั้น จากใต้สู่เหนือ และ สิ้นสุดที่แม่น้ำเบิ่นไฮ นั่นคือที่ที่ประเทศของเรา ถูกแบ่ง ด้านหนึ่งเป็นฝ่ายเหนือ อีกด้านเป็นฝ่ายใต้ แค่นั้น เราไปที่นั่นได้ เราไม่สามารถไปทางเหนือได้ ฉันจำไม่ได้ว่าเราทำได้ยังไง บางทีเราก็ทำได้ บางทีเราก็ทำไม่ได้ ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ฉันคิดว่ามันถูกห้ามไม่ให้ไป ที่นั่น ฉันไม่เคยถามเพิ่มเติม ฉันไม่คิดว่าเราจะไปได้ ง่ายขนาดนั้นเพราะลุงของฉัน อยู่ทางเหนือหรือบางที เขาอาจจะชอบไปทางเหนือหลังจากข้อตกลงสันติภาพเจนีวา ผู้คนจำนวนมาก จากทางใต้เดินทางไป ทางเหนือเพื่อพักและอาศัยอยู่ที่นั่น และผู้คนจากทางเหนือบางส่วน ก็เดินทางไปทางใต้ เพื่ออยู่กับ รัฐบาลทางใต้ ในเวลานั้นมีสองระบบ ที่แตกต่างกัน ภาคเหนือเป็นเหมือน ระบบคอมมิวนิสต์ และภาคใต้เรียกว่า ระบบประชาธิปไตย ต่างคนต่างชอบระบบที่ แตกต่างกัน ดังนั้น พวกเขาจึงแยกย้าย กันไปอยู่คนละฝั่ง ลุงจึงไม่เคยกลับมาอีกเลย จนกระทั่งหลัง สงครามที่เอาหลัก (เวียดนาม) สิ้นสุดลง ฉันคิดว่ามันเป็นปี 1974 แล้วลุงของฉันก็กลับมา ฉันไม่เคยเห็นเขาเลย แม่เล่าให้ฟังตอน เจอกันที่ฮ่องกง และกรุงเทพอีกครั้ง พวกเขาได้รับอนุญาตให้ ออกมาพบฉันสองครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาไม่ได้ รับอนุญาตอีกต่อไป หนังสือเดินทางของพวกเขาถูกยึด พวกเขาบอกฉันว่าไม่สามารถ มาพบฉันได้อีกต่อไป ฉันเสียใจมาก แต่ ทุกอย่างมันเร็วมาก ฉันทำอะไรไม่ได้มาก ช่างเถอะ ลืมเรื่องนั้นซะ มันเป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึง บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้Photo Caption: งดงามจากภายในสู่ภายนอก นั่นคือจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์